Thai Commodity Exchange ตั้งอยู่ที่อาคาร G Tower ถนนรัชดา-พระราม 9 กรุงเทพมหานคร เป็นตลาดสินค้าโภคภัณฑ์นวัตกรรม แห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้วยพันธกิจในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์การเกษตรและผลิตภัณฑ์พลอยได้ของไทยสู่ตลาดโลกเพื่อความเจริญรุ่งเรือง
รูปแบบธุรกิจนวัตกรรม
Thai Commodity Exchange ได้พัฒนารูปแบบการซื้อขายแบบผสมผสาน (Hybrid Trading Model) ที่บูรณาการการซื้อขายล่วงหน้าเขากับการส่งมอบสินค้าจริง ในฐานะแพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ยุคใหม่ เราได้ผสานองค์ประกอบหลัก 3 ประการ
เขาด้วยกันอย่างลงตัว ได้แก่ :
● ฐานการผลิตที่มั่นคง (ในด้านออฟไลน์)
● ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ เป็นระบบการสั่งจองอัจฉริยะ(ในด้านออนไลน์)
● ระบบโลจิสติกส์สมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง
รูปแบบธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ของเราช่วยเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจให้แก่ผู้ผลิต เพิ่มช่องทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ และสร้างการเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างแหล่งผลิตกับผู้บริโภค นำไปสู่การบูรณาการที่แท้จริงระหว่างการผลิตและการจำหน่าย
ตลาดนวัตกรรมระหว่างประเทศของเราผสานรวมนวัตกรรมทางการเงินและการซื้อขาย พร้อมนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์เข้ากับระบบแพลตฟอร์มที่ทันสมัย โดยใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบของภูมิภาคอาเซียน เพื่อสร้างหลักประกันด้านความยุติธรรมและความโปร่งใสในการซื้อขาย พร้อมทั้งเชื่อมโยงตลาดในประเทศและต่างประเทศอย่างไร้รอยต่อ
เกษตรกรรมไทย ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
การก่อตั้ง Thai Commodity Exchange นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมไทย ด้วยศักยภาพด้านการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการค้าข้ามพรมแดนของแพลตฟอร์ม ทำให้สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์แบบดั้งเดิม และขยายอิทธิพลของผลิตภัณฑ์การเกษตรและผลิตภัณฑ์พลอยได้ของไทยในตลาดโลก เราอาศัยแพลตฟอร์มนวัตกรรมเทคโนโลยีในการผลักดันการพัฒนาเกษตรกรรมอัจฉริยะยุคใหม่ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติของผลิตภัณฑ์การเกษตรไทย เปิดเส้นทางใหม่ให้ กับภาคเกษตรกรรมไทย เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังนี้ :
● การบูรณาการห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งระบบ
● การเสริมสร้างกระบวนการผลิตให้เข้มแข็ง
● การขยายธุรกิจสู่ระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งหมดนี้นำไปสู่เส้นทางการพัฒนาที่ผสมผสานระหว่างภาคเกษตรกรรมและนวัตกรรมทางการเงินอย่างสมบูรณ์
การจัดตั้งตลาดสินค้าไทยเป็นกลยุทธ์ในการสนับสนุนการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งสามารถส่งเสริมสินค้าไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์พลอยได้ สู่ตลาดต่างประเทศในทุกพื้นที่ตลอดเวลา
นวัตกรรมสำคัญในการเปิดตลาดโลกสู่ผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรคุณภาพสูงของไทย ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างยั่งยืนอีกด้วย เรามุ่งมั่นที่จะยกระดับประเทศไทยจากการเป็นมหาอำนาจด้านการเกษตร เป็นมหาอำนาจด้านการท่องเที่ยว และกลายเป็นมหาอำนาจทางการเงินในที่สุด
ทีมผู้บริหารของ Thai Commodity Exchange ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมจากหลากหลายภาคอุตสาหกรรม ได้แก่:
● ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
● ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดซื้อ การขาย และบริการ
● ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง
● ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ เรายังรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีนักวิชาการ สถาบัน และนักวิจัยชั้นนำด้านเศรษฐศาสตร์การเกษตรในประเทศไทยเข้าร่วม เพื่อให้มั่นใจว่าแพลตฟอร์มจะมีศักยภาพด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ไทยมุ่งมั่นที่จะนำสินค้าไทยออกสู่ตลาดโลก และมีอำนาจในการกำหนดราคาในตลาดโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและผลพลอยได้ของไทย ขณะเดียวกันก็สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค
เกษตรไทยก้าวสู่ความยั่งยืน
เราพัฒนาระบบผลิตภัณฑ์ กลไกการค้า และระบบเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่มีการบูรณาการใหม่:
● การสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์พลอยได้
● การจัดหาคำสั่งซื้อที่ดีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
● ระบบโลจิสติกส์และการจัดส่งที่ทันสมัย
● ระบบการจัดการอีคอมเมิร์ซระดับโลก
ยุติธรรม • ซื่อสัตย์ • โปร่งใส • เจริญรุ่งเรือง • ยึดมั่นในคุณธรรม
บริษัท ไทย คอมโมดิตี้ เอ็กซ์เชนจ์ จำกัด
จุดมุ่งหมายและขอบเขตของนโยบาย
นโยบายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการต่อต้านการฟอกเงินและการก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงของบริษัทไทย คอมโมดิตี้ เอ็กซ์เชนจ์ จำกัด (ต่อไปนี้เรียกว่า “TCE”) เพื่อให้กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานทั้งหมด สามารถปฏิบัติได้ตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินและสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายเพื่อมิให้บริษัทตกเป็นเครื่องมือ หรือช่องทางที่จะนำหรือสร้างรายได้จากกิจกรรมที่ผิดกฎหมายเข้ามาในระบบการเงิน
หลักสำคัญในการปฏิบัติ
TCE ได้ตระหนักถึง ความสำคัญของการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ.2559 โดยอบรมขั้นตอนการปฏิบัติงาน ให้พนักงานที่มีความเกี่ยวข้องทั้งโดยตรงกับลูกค้าสามารถให้จัดการกับการทำธุรกรรมของลูกค้าให้สอดคล้องกับนโยบายฉบับนี้ และต่อต้านการฟอกเงินและสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทบาทและความรับผิดชอบ
1. TCE จัดให้มีนโยบายในการบริหารความเสี่ยงและมาตรการประเมิน ความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้ให้รวมถึง ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ การให้บริการ การใช้เทคโนโลยีใหม่และที่มีอยู่แล้ว เพื่อเป็นแนวทางป้องกัน เพื่อบรรเทาความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
2. บริษัทฯต้องจัดให้มีขั้นตอนการรู้จักตัวตนลูกค้าและการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงลูกค้า ก่อนอนุมัติ/ปฏิเสธการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้า ดังต่อไปนี้
2.1 บริษัทฯต้องจัดให้มีการรู้จักตัวตนลูกค้า (Know Your Customer: KYC) โดยจัดเก็บและตรวจสอบ
เอกสารการแสดงตนของลูกค้าทุกราย ก่อนการพิจารณาอนุมัติการใช้งานบนแพลตฟอร์มของ TCE และการทำธุรกรรมใดๆทุกครั้ง
2.2 บริษัทฯ ต้องจัดให้มีการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงลูกค้า (Customer Due Diligence: CDD) โดย
การประเมิน และบริหารความเสี่ยงลูกค้าทุกราย จากปัจจัยความเสี่ยงอันเกิดจากลูกค้าหรือปัจจัยความเสี่ยงจากพื้นที่หรือ ประเทศที่มีความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน หรือปัจจัยในด้านอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด โดยจัดให้มีกระบวนการตรวจสอบ ตรวจทานและติดตามความเคลื่อนไหวของการทำธุรกรรมของลูกค้าอยู่เสมอ
4. TCE จะดำเนินการระงับการดำเนินการอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกกำหนดตามรายชื่อที่ ปปง. ประกาศ เพื่อต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายเมื่อพบว่าบุคคลที่ถูกกำหนดเป็นหรือเคยเป็นลูกค้าของ TCE จะต้องมีการรายงานไปยัง สานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
5. TCE ต้องมีขั้นตอนในการจ้างงาน รวมถึง อบรมให้ความรู้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง เป็นส่วนสำคัญของบริษัทฯ เกี่ยวกับระบบของการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง อีก ทั้ง ต้องมีส่วนงานตรวจสอบภายในควบคุมภายในที่เป็นอิสระ รวมถึงจัดให้มีแผนการตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทฯ มีการดำเนินงานที่สอดคล้องตามกฎหมาย
6. TCE มุ่งมั่นให้ความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้บริการโดยจัดให้มีมาตรการเก็บรักษาข้อมูลที่เกี่ยวกับการจัดให้ลูกค้าแสดงตน ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าและข้อมูลเกี่ยวกับการรายงานธุรกรรม
ภาคผนวก
การแก้ไขและยกเลิก นโยบายฉบับนี้
รอบการทบทวนนโยบาย
นโยบายฉบับนี้กำหนดให้มีการทบทวนเป็นประจำทุกปี นับจากวันที่มีผลบังคับใช้อย่างไรก็ตาม อาจมีการทบทวนตามระยะเวลาที่เหมาะสม หากมีการแก้ไขหรือยกเลิกเนื้อหาที่มีนัยสำคัญ
วันที่มีผลบังคับใช้
นโยบายฉบับนี้ได้รับการพิจารณาและอนุมัติโดยกรรมการบริษัทฯ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป